โดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา "ล้มการเลือกตั้ง ปธน.ปี 2020"

วานนี้ มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สำคัญของสหรัฐฯ นั่นคือการขึ้นศาลในคดีพยายามล้มผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ของ อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ โดยอดีตผู้นำสหรัฐฯ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา "ล้มการเลือกตั้ง ปธน.ปี 2020" ขณะที่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าจะไม่มีการจับกุมเกิดขึ้น

เครื่องบินส่วนตัวของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงจอดที่ท่าอากาศยานแห่งชาติ โรนัลด์ เรแกน วอชิงตัน ในกรุงวอชิงตันดีซี เมื่อวานนี้ เมื่อเวลา 14.27 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือ 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

เพื่อรายงานตัวต่อศาลส่วนกลางในคดีความที่เกี่ยวข้องกับการพยายามยกเลิกผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020 โดย ทรัมป์ ได้เข้ารับฟังข้อกล่าวหาทั้ง 4 กระทง ประกอบไปด้วยคำพูดจาก เว็บสล็อต ดีที่สุดในไทย

 โดนัลด์ ทรัมป์  ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา "ล้มการเลือกตั้ง ปธน.ปี 2020"

1.การสมคบคิดเพื่อฉ้อโกงสหรัฐ

2. สมคบคิดเพื่อขัดขวางการดำเนินการของเจ้าหน้าที่

3.ขัดขวางและพยายามขัดขวางการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่

4.สมคบคิดกันละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น ซึ่ง ทรัมป์ ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลยืนยันว่าจะไม่มีการเข้าควบคุมตัว ทรัมป์ แต่อย่างใด ส่วนกำหนดการขึ้นศาลของทรัมป์ครั้งต่อไปคือวันที่ 28 ส.ค.นี้

การขึ้นศาลของทรัมป์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ณะลูกขุนใหญ่หรือ Grand Jury ของสหรัฐฯ ได้มีมติให้สั่งฟ้องอดีตประธานาธิบดีทรัมป์จากความผิดที่เกี่ยวข้องกับความพยามล้มผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ซึ่งครั้งนั้น ทรัมป์ที่ลงสมัครเป็นประธานาธิบดีสังกัดพรรครีพับลิกันพ่ายแพ้ให้แก่ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตไป

“โดนัลด์ ทรัมป์” โดนข้อหาเพิ่ม 4 กระทง พยายามคว่ำผลเลือกตั้งปี 2020

"ทรัมป์" เตรียมรายงานตัวต่อศาลคดีพยายามล้มผลเลือกตั้ง

เอกสารคำฟ้องลงรายละเอียดส่วนหนึ่งไว้ว่า อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงมุ่งมั่นที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปด้วยการเผยแพร่คำโกหกว่ามีการโกงเลือกตั้งเกิดขึ้น โดยที่รู้ว่าเป็นเรื่องเท็จ แต่ก็ยังกล่าวซ้ำและเผยแพร่นอกจากกล่าวคำเท็จ อดีตผู้นำสหรัฐฯ ยังมีส่วนปลุกระดมผู้สนับสนุนของตนเองให้ทำการขัดขวางกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้งด้วยการบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาในขณะที่กำลังมีประชุมเพื่อรับรองผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ปี 2021

อีกคดีที่เกี่ยวข้องกับบุคลสำคัญในแวดวงการเมืองสหรัฐฯคือคดีเลี่ยงภาษีของ ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของประธานาธิบดี โจ ไบเดน โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมาศาลสหรัฐฯได้เปิดเผยเอกสารการเจรจาอัยการเพื่อยอมรับสารภาพผิด

เอกสารดังกล่าวระบุว่า ฮันเตอร์ มีรายได้มากกว่า 4,400,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 150 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินที่มาจากยูเครน และจีน แต่กลับไม่พบการจ่ายภาษีในปี 2017 และปี 2018

โดยในปี 2017 ฮันเตอร์ ได้รับเงินจากต่างชาติเกือบ 2,300,000 ดอลลาร์ หรือ 80 ล้านบาท จำนวนนี้รวมถึงเงิน 1,600,000 ดอลลาร์ หรือ 55 ล้านบาท ที่เป็นผลตอบแทนจากการลงทุนร่วมกับกลุ่มธุรกิจจีน นอกจากนี้ ฮันนเตอร์ ยังมีรายได้จากการทำธุรกิจในโรมาเนีย 70,000 ดอลลาร์ หรือ 2,400,000 บาท และ 48,000 ดอลลาร์ หรือ 1,700,000 บาท จากบริษัทกฎหมายระหว่างประเทศ ส่วนปี 2018 ฮันเตอร์มีรายได้ 2,100,000 ดอลลาร์ หรือ 70 ล้านบาท ซึ่งพนักงานบัญชีได้เตือนฮันเตอร์ให้ชำระภาษี แต่ถูกเพิกเฉย โดยในปี 2018 นี้ ยังพบว่า ฮันเตอร์มีพฤติกรรมใช้ยาเสพติดมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับพฤติกรรมของ ฮันเตอร์ ตกเป็นเป้าโจมตีจากสมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันที่กล่าวหาครอบครัวไบเดนว่าใช้ ฮันเตอร์ เป็นตัวกลางรับสินบนจากบริษัทต่างประเทศ โดยหนึ่งในนั้นคือ บริษัทบูริสมา (Burisma) ในอุตสาหกรรมพลังงานของยูเครน ที่ฮันเตอร์เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ซึ่งมีรายงานว่าผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวเคยขอร้องให้ฮันเตอร์ช่วยยุติการสืบสวนบริษัทในคดีพัวพันการทุจริต ในปี 2015 ซึ่งในเวลานั้น ไบเดน ผู้เป็นพ่อดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ