ค่าเงินบาทเช้านี้ “อ่อนค่าลง” ทะลุ 34 จับตาข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯคืนนี้

ไทยพาณิชย์ ขึ้นดอกเบี้ย "เงินฝาก-กู้" มีผลตั้งแต่ 6 เม.ย. 2566

ทีทีบี คาดปี66 นทท.ในไทย เพิ่ม 25.4% เผยคนเลือกไปเที่ยวผ่านการดูอินฟลูเอนเซอร์ คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

เมื่อ 7 เม.ย. 66 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯโดยรวม ยังคงเผชิญความผันผวน ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงมากขึ้นและเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ที่ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาดโดยความกังวลดังกล่าวได้กดดันให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะขายหุ้นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวแต่ภาพเศรษฐกิจ เช่น

ดัชนีตลาดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีNASDAQ

กลุ่มพลังงาน (Exxon Mobil -1.7%, Chevron -1.3%) ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (Alphabet +3.8%, Microsoft +2.6%) กลับสามารถปรับตัวขึ้นได้หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี (Bond Yield) ได้ย่อตัวลงใกล้ระดับ 3.30% ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งผู้เล่นในตลาดคาดหวังว่าจะกดดันให้เฟดหยุดการขึ้นดอกเบี้ยและทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในช่วงไตรมาสที่ 3

ด้านเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนหนัก ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 101.9 จุด โดยอาจเคลื่อนไหวไซด์เวย์ (Sideways) ซึ่งมีโอกาสที่เงินดอลลาร์จะเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากวันนี้จะเป็นวันหยุด Good Friday ก่อนวันอีสเตอร์ ในหลายประเทศ เช่ย ฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้ปริมาณธุรกรรมในตลาดการเงินอาจเบาบางลงไปได้

กราฟแสดงค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญ คือ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เดือน มี.ค. โดยเฉพาะข้อมูลยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) โดยตลาดคาดว่าอาจเพิ่มขึ้น +240,000 แสนราย และแม้ว่ายอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTs) จะลดลงมากกว่าคาดสู่ระดับ 9.9 ล้านตำแหน่ง แต่ก็คิดเป็นเกือบ 1.7 เท่าของจำนวนผู้ว่างงาน ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงตึงตัวอยู่ อาจทำให้ อัตราการเติบโตของค่าจ้างยังคงสูงราว +4.3% จากปีก่อน (YoY) และอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนภาคการบริการ ชะลอตัวลงได้ช้า หากค่าจ้างยังสามารถขยายตัวต่อเนื่องในอัตราดังกล่าวได้

ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงวันหยุดที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนไปตามทิศทางของเงินดอลลาร์และราคาทองคำ แต่โดยรวมเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง โดยประเมินว่าในวันนี้ ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบไซด์เวย์ เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่รอข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในวันนี้ก่อน

อย่างไรก็ดี ควรจับตาทิศทางกระแสเงินนักลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) หลังตลาดหุ้นไทย (SET) ได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติก็ยังคงเป็นฝั่งขายสุทธิหุ้นไทยอยู่ ซึ่งแรงขายหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง ทั้งนี้ เรามองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจรอจังหวะ buy on dip หรือรอกลับเข้าซื้อหุ้นไทย หากดัชนี SET ย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับที่ผ่านมาแถว 1,520-1,540 จุด

สำหรับปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทนั้น อาจต้องรอ Fund Flow ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หากราคาทองคำสามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาใกล้แนวต้านล่าสุดแถว 2,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งอาจเป็นไปได้ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เพราะหากผู้เล่นในตลาดกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้นและเลือกที่จะปิดรับความเสี่ยง ราคาทองคำก็อาจปรับตัวขึ้นได้ จากความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงนี้ แต่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นมากหรือน้อย ต้องรอจับตาการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน

 ค่าเงินบาทเช้านี้ “อ่อนค่าลง” ทะลุ 34 จับตาข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯคืนนี้

อย่างไรก็ตาม มองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง มองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.95-34.25 บาท/ดอลลาร์